วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โรคตาแห้ง ป้องกันด้วยไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)


     โรคตาแห้ง ป้องกันด้วยไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)

        โรคตาแห้ง เกิดจากน้ำตาของคนเรามี 3 ชั้น ชั้นในสุดที่ติดกับแก้วตาจะเป็นเมือก ชั้นกลางเป็นน้ำ เป็นตัวให้อาหารและออกซิเจนหล่อเลี้ยงแก้วตา ส่วนชั้นนอกเป็นไขมันป้องกันการระเหยของน้ำตา น้ำตาของคนสร้างต่อมน้ำตาของหนังตาบน เวลาเรากระพริบตา น้ำตาจะถูกขับออกมาเคลือบตา น้ำตาที่หลั่งออกมาจากการกระพริบตาออกครั้งละไม่มาก น้ำตาไหลจากเสียใจหรือเกิดจากการระคายเคืองจะออกเป็นปริมาณมาก

http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973

          สาเหตุของตาแห้ง
       เป็นธรรมชาติของคนสูงอายุที่มีการขับน้ำตาออกมาน้อยโดยเฉพาะผู้หญิงจะพบได้บ่อยกว่าผู้ชาย
สภาพอากาศ ร้อน อากาศแห้ง ลมแรง


          -ลมจากเครื่องปรับอากาศ ควันบุหรี่
          -การอ่านหนังสือหรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แนะนำให้หยุดพักตาและกระพริบตาบ่อยๆ
           -การใส่ contact lens
           -การขาดวิตามิน เอ



http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973


         อาการของโรคตาแห้ง
          -เคืองตา
          -แสบตา
          -ตาแดง
          -ตามัว เมื่อกระพริบตามองเห็นชัดขึ้น
          -น้ำตาไหลมาก
          -เคืองตาหลังจากใช้งานเป็นเวลานาน






          การรักษา
            การใช้น้ำตาเทียมเป็นการลดอาการเท่านั้น


            ปิดท่อระบายน้ำตา ทำให้มีน้ำตาหล่อเลี้ยงตาเพิ่มขึ้น
            ดื่มน้ำมากๆ เวลาอ่านหนังสือหรือทำงานกับคอมพิวเตอร์นานให้กระพริบตาบ่อยๆ


           หลีกเลี่ยงการขยี้ตา

   ปัจจุบัน ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)สามารถป้องกันโรคตาแห้งได้ผลเร็วสุด ยอดขายสูงที่สุด
            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
          สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 
2 แคปซูล
          สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง 
ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่     http://ibrytemirvalai.blogspot.com   
    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ จุฑาชลัท อินทวะระ
                    ID Line :  valai369     
                    โทร. 082-0571981, 097-3983248

                        อีเมล์  :  kprimss@gmail.com









โรคตาแดง ป้องกันด้วย ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)


      โรคตาแดง ป้องกันด้วย ไอไบ้ร์ท(IBRYTE)

          โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา (conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรั
http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973

          สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์

http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973

          ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง


           อาการของโรคตาแดง
        แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
        คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
       - ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
       - ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
       - ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
       - ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย



       ตาแดงเป็นข้างหนึ่งหรือสองข้าง ถ้าเป็นพร้อมกันสอข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้าง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือChlamydia




      ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์
         อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
         ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
         ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ




     การตรวจร่างกาย

     คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
     ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
     ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง




       การป้องกันโรคตาแดง

   1.อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
   2.อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
   3.ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา



   4.ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
   5.อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น



   6.อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน



   7.ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
   8.อย่าสัมผัสมือ
   9.เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค 


        ปัจจุบัน ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)ช่วยแก้โรคตาแดงได้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน

            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
        สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ
    2 แคปซูล
        สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง 
    ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่    http://ibrytemirvalai.blogspot.com

    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ จุฑาชลัท อินทวะระ
                    ID Line :  valai369     
                    โทร. 082-0571981 , 097-3983248

                    อีเมล์ :  kprimss@gmail.com 










วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โรคต้อหิน ป้องกันได้ด้วย I-BRYTE


                โรคต้อหิน ป้องกันได้ด้วย I-BRYTE

http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973


      โรคต้อหิน (glaucoma) เป็นโรคตาซึ่งคนที่เป็นส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้ โดยเฉพาะในระยะแรกๆ พอทราบว่าเป็น ต้อหิน ตาก็มักจะใกล้บอดแล้ว ที่อันตรายที่สุดคือ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตาจะบอดในที่สุด ไม่ช้าก็เร็ว ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในแต่ละบุคคล
 
http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973

        ต้อหิน เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคต้อ ตามที่คนเรียกกันโดยทั่วๆ ไป ที่พบบ่อยๆ มีต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อลม และต้อหิน แต่ ต้อหิน เป็นต้อเพียงชนิดที่ไม่มีตัวต้อให้เห็น เพราะ ต้อหิน เป็นกลุ่มโรคที่มีการทำลายขั้วประสาทตา ซึ่งเป็นตัวนำกระแสการมองเห็นไปสู่สมอง ซึ่งเมื่อขั้วประสาทตาถูกทำลายจะมีผลทำให้สูญเสียลานสายตา เมื่อเป็นมากๆ ก็สูญเสียการมองเห็นในที่สุด ซึ่งเป็นการสูญเสียชนิดถาวร ไม่สามารถรักษาให้กลับคืนมามองเห็นได้
 
http://www.mirworldwide.com/product_detail.php?id=LN4004&language=&m=5973

        ต้อหิน เกิดจากการทำลายขั้วประสาทตา อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุปัจจัยภายนอก หรืออาจพบร่วมกับโรคทางตาอื่นๆ ที่แทรกซ้อนมาจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดรักษาโรคอื่นๆ ในดวงตา หรือแม้แต่เกี่ยวพันกับโรคทางกายอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงในตัวบุคคลนั้นๆ ที่ทำให้เกิดการเสื่อมของขั้วประสาทตา
         

          ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของ ต้อหิน และเป็นปัจจัยอย่างเดียวที่ควบคุมเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือ ความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากความเสื่อมข้างในลูกตา หรือเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากยาที่ใช้ จากอุบัติเหตุ หรือจากการผ่าตัด น้ำหล่อเลี้ยงภายในลูก


          โดยปกติลูกตาจะมีการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงภายใน ซึ่งสร้างจากบริเวณด้านหลังของม่านตา แล้วไหลออกมาทางช่องด้านหน้า ก่อนที่จะระบายออกไปทางท่อระบายบริเวณมุมตา ในภาวะปกติ ปริมาณของน้ำหล่อเลี้ยงที่สร้างขึ้นจะสมดุลกับปริมาณที่ไหลออกจากลูกตา ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการคั่งค้างของน้ำภายในลูกตา ความดันภายในก็ปกติ แต่ถ้าหากมีการอุดตันบริเวณที่ท่อระบาย จะทำให้ความดันตาเพิ่มสูงขึ้นได้





         
ชนิดของ โรคต้อหิน

         ต้อหินชนิดมุมปิด พบได้ร้อยละ 10 ของทั้งหมด เกิดจาก

ความผิดปกติของโครงสร้างลูกตา ทำให้เกิดการอุดกั้นของ

น้ำหล่อเลี้ยงในลูกตา กรณีที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมี

อาการปวดตา ตาแดง ตามัว เมื่อมองไปที่ดวงไฟจะเห็นเป็น

วงกลมจ้ารอบดวงไฟ อาการอาจรุนแรงมากจนเกิดอาการ

คลื่นไส้อาเจียน และมักไม่หายด้วยการรับประทานยาแก้ปวด

 ถ้าไม่รักษาตาจะบอดอย่างรวดเร็วภายในเวลาเป็นวันๆ ส่วน

ชนิดเรื้อรังผู้ป่วยมักไม่ทราบและไม่มีอาการ บางคนอาจมี

อาการปวดเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เป็นๆ หายๆ อยู่หลายปี และ

ได้รับการรักษาแบบโรคปวดศีรษะโดยไม่ทราบว่าเป็น ต้อหิน
        
          ต้อหินชนิดมุมเปิด พบได้ร้อยละ 60-70 ของทั้งหมด 

เกิดจากเนื้อเยื่อส่วนที่ทำหน้าที่กรองน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาผิด

ปกติ ทำให้ความดันตาเพิ่มสูงขึ้น และทำลายขั้วประสาทตาใน

ที่สุด แบ่งเป็นชนิดความดันตาสูง และชนิดความดันตาปกติ ผู้

ป่วยจะไม่มีอาการปวดตาหรือตาแดง สังเกตพบว่าสายตา    

ค่อยๆ มัวง อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในระยะเป็น

เดือนหรือเป็นปีหากไม่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาทันท่วงทีจะ

ทำให้ตาบอดได้ในที่สุด แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยได้อย่างถูก

ต้อง และรวดเร็ว ก็จะรักษาสายตาไว้ได้




         ต้อหินชนิดแทรกซ้อน เกิดเนื่องจากมีความผิดปกติ

อย่างอื่นของดวงตา เช่นการอักเสบ ต้อกระจกที่สุกมาก

 อุบัติเหตุต่อดวงตา เนื่องจากการใช้ยาหยอดตาบางชนิด และ

ภายหลังการผ่าตัดตา เช่นเปลี่ยนกระจกตา หรือการผ่าตัด

ต้อกระจก



         ต้อหิน ในทารกและเด็กเล็ก พบเกิดร่วมกับความผิด

ปกติตั้งแต่แรกคลอดของดวงตา อาจมีความผิดปกติทาง

ร่างกายร่วมด้วย โรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบลักษณะ

ด้อย (autosomal recessive) หากทั้งพ่อ และแม่เป็นพาหะ

 ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ร้อยละ 25 ต้อหิน ในเด็กทารกมักพบ

ตั้งแต่แรกเกิด แม่อาจสังเกตว่าลูกมีขนาดลูกตาใหญ่กว่าเด็ก

ปกติ กลัวแสง กระจกตาหรือส่วนของตาดำจะไม่ใสจนถึงขุ่น

ขาว และมีน้ำตาไหลมาก หากพบต้องรีบพาเด็กเข้ารับการ

รักษา ต้อหิน ชนิดเม็ดสี เป็นต้อหินชนิดมุมเปิดที่ถ่ายทอดทาง
กรรมพันธุ์ พบในคนสายตาสั้นอายุ 20-30 ปี การที่สายตาสั้นทำให้ม่านตาเกิดเป็นส่วนโค้ง เนื้อเยื่อชั้นสร้างเม็ดสีกระทบกับเลนส์ ทำให้เม็ดสีอุดตัน การไหลเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาติดขัด และความดันตาเพิ่มสูงขึ้น


         ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ต้อหิน
         1.อายุ คนที่มีอายุมากจะมีโอกาสเป็น ต้อหิน มากกว่าคนที่มีอายุน้อย ต้อหิน บางชนิดเกิดในเด็กแรกเกิด หรือกลุ่มเด็กเล็กได้เช่นกัน แต่พบไม่บ่อยเท่าผู้สูงอายุ ต้อหิน ชนิดมุมเปิดพบมากในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี


         2.ความดันในลูกตา คนที่มีความดันในลูกตาสูงจะมีโอกาสเกิดโรค ต้อหิน ได้มาก


         3.ประวัติครอบครัว หากมีสมาชิกภายในครอบครัว หรือบรรพบุรุษเป็นต้อหินก็จะมีโอกาสเป็น ต้อหิน มากขึ้น และควรได้รับการตรวจเป็นระยะๆ


         4.สายตาสั้นมากหรือยาวมาก พบว่าคนที่มีสายตาสั้นมากๆ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรค ต้อหิน ชนิดมุมเปิดมากกว่าคนปกติ และในคนที่สายตายาวมากๆ โดยมีขนาดของลูกตาเล็กกว่าปกติ ก็จะมีโอกาสเป็น ต้อหิน ชนิดมุมปิด




         5.โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และความผิดปกติทางเลือดและเส้นเลือด ปัจจุบันมีหลักฐานชี้บ่งว่าความเข้มข้นของเลือดที่ผิดปกติอาจสัมพันธ์กับโรค ต้อหิน โรคของเส้นเลือดที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรคลูปัส ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง ที่จะมีความผิดปกติของเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงขั้วประสาทตา และทำให้เกิดเป็นโรคต้อหินได้
         6.ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
         7.การได้รับอุบัติเหตุที่ลูกตามาก่อน และโรคตาบางชนิด
        
       อาการของ ต้อหิน

         โรคต้อหิน ส่วนใหญ่เป็นชนิดไม่มีอาการ การดำเนินของโรคจากเริ่มเป็น จนถึงการสูญเสียการมองเห็น ใช้เวลานานเป็นปีๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้อหินที่เกิดจากความเสื่อม ซึ่งไม่มีอาการใดๆ จนกระทั่งสูญเสียการมองเห็น ซึ่งใช้เวลา 5 - 10 ปี จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับว่าจะตรวจพบต้อหินระยะใด เช่น พบตั้งแต่ระยะเพิ่งเริ่มเป็น จะสามารถคุมไว้ได้ และอาจจะไม่สูญเสียการมองเห็น แต่ถ้าตรวจพบต้อหินระยะที่เป็นมากแล้วหรือระยะท้ายๆ ก็อาจสูญเสียการมองเห็นได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นภายในเวลาเป็นเดือน ก็จะตาบอดได้
      ต้อหินชนิดมุมปิด ที่มีอาการเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้
             - อาการปวดตา
             - เมื่อมองไปที่ดวงไฟจะเห็นเป็นวงกลมจ้ารอบดวงไฟ
             - ตาแดงทันทีทันใด
             - ปวดมากจนคลื่นไส้อาเจียนต้องมาโรงพยาบาล
             - ปวดศีรษะมากในตอนเช้า
             - ความดันตาเพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด
             - กระจกตาบวมหรือขุ่น






           ผลิตภัณฑ์ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)สามารถป้องกันโรคต้อหินได้ผลเร็วสุด


        ปัจจุบัน ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)ช่วยแก้สายตาที่ไม่ดีและโรคเกี่ยวกับตาได้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน

            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
        สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง 
   ครั้งละ     2 แคปซูล
       สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง 
   ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่     http://ibrytemirvalai.blogspot.com   

    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ จุฑาชลัท อินทวะระ
         โทร :  082-0571981 ,  097-3983248    
  ID Line : valai369  
    อีเมล์    : kprimss@gmail.com